ระยอง-โคเวสโตร ชูศักยภาพศูนย์การผลิตโคเวสโตรมาบตาพุด พร้อมรองรับการเติบโตในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ระยอง-โคเวสโตร ชูศักยภาพศูนย์การผลิตโคเวสโตรมาบตาพุด พร้อมรองรับการเติบโตในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โคเวสโตร หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุโพลิเมอร์ระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการผลิต ความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานต่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงให้กับลูกค้า การดูแลด้านความปลอดภัยและความยั่งยืนด้วยมาตรฐานระดับสากล รวมทั้งการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ในโอกาสเปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชนระยอง เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568

ศูนย์การผลิตโคเวสโตรมาบตาพุด จ.ระยอง นับเป็นหนึ่งในไม่กี่ศูนย์การผลิตหลักระดับโลกของโคเวสโตรซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี โดยที่นี่มีความสามารถในการผลิตวัสดุที่หลากหลาย เช่น โพลีคาร์บอเนต ฟิล์มชนิดพิเศษ และอีลาสโตเมอร์ โดยใช้เทคโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง รวมถึงระบบการผลิตที่ล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในหลายอุตสาหกรรมที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน

“เรามีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การผลิตมาบตาพุด จึงถือเป็นศูนย์การดำเนินงานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับโอกาสในการการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต รวมถึงจัดตั้งโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและนวัตกรรมใหม่ๆ หนึ่งในโครงการล่าสุดคือ การขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตฟิล์มชนิดพิเศษด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่าหลายพันล้านบาท เพื่อการรองรับความต้องการของตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ต้องการคุณภาพและนวัตกรรมขั้นสูง ทำให้ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเรามีการจ้างงานเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อรองรับการเติบโต โดยเราให้ความสำคัญกับการให้โอกาสคนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน” คุณชัยยุทธ แจ้งเจนรบ ผู้จัดการศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด กล่าว

คุณชัยยุทธ ได้เน้นย้ำว่า “ศูนย์การผลิตฯ นี้เป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความยั่งยืนและการเติบโตไปพร้อมกับชุมชน นอกจากนี้ เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง และมีมาตรการที่เข้มงวดในระดับสากลที่ทุกคนยึดถือเป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติงานในทุกๆวัน และได้ปลูกฝังให้อยู่ในรากฐานวัฒนธรรมขององค์กรมาอย่างยาวนาน และเราตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานนี้ไว้ตลอด”

 

โคเวสโตรยังได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมโดยมีเป้าหมายที่จะ
บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต 1 และ 2 ภายในปี พ.ศ. 2578 และขอบเขต 3 ในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งเป็นความท้าทายขององค์กรโดยเฉพาะในประเทศไทย และนับว่าเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทยถึง 15 ปี

Related posts